top of page
ค้นหา

ทำไม บิล เกตส์ เจ้าพ่อ Microsoft ถึงได้ถือครองที่ดินสูงมาก

ทำไม บิล เกตส์ เจ้าพ่อ Microsoft ถึงได้ถือครองที่ดินสูงมาก
Why does Bill Gates, the Microsoft tycoon, own so much land?

Host Consulting Team (HCT) ได้รวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ และมองเห็นโอกาสท่ามกลางวิกฤติ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการตัดสินใจด้านอสังหาริมทรัพย์ของคุณ



ข่าว บิล เกตส์ ลงทุนในที่ดินจำนวนมาก ทำให้โลกโซเชียลเริ่มให้ความสนใจในประเด็นนี้

ในช่วงที่ผ่านมา มีกระแสข่าวในโลกโซเชียลระบุว่า บิล เกตส์ ได้ลงทุนในที่ดินเกษตรกรรมในสหรัฐฯ เป็นจำนวนมาก โดยการถือครองที่ดินของเขาเป็นการทำด้านเกษตรกรรม ของ บิล เกตส์ โดยคิดเป็นประมาณ 270,000 เอเคอร์ทั่วสหรัฐฯ หรือ ประมาณ 1 เอเคอร์ ในทุก ๆ 4,000 เอเคอร์ จากที่ดินเกษตรทั้งหมดในประเทศสหรัฐ (คิดเป็นประมาณ 893 ล้านเอเคอร์) 

เราได้วิเคราะห์ประเด็นนี้ และสามารถอธิบายถึงเหตุผลหลักที่เขาเลือกที่จะลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้ ได้ดังต่อไปนี้ 1) เพื่อการกระจายความมั่งคั่ง

ถึงแม้ว่า บิล เกตส์ จะมีหุ้น Microsoft อยู่ในพอร์ทจำนวนมาก แต่นั่นก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของทรัพย์สินทั้งหมดของเขา โดยเขากลับมองว่า การถือครองที่ดินเกษตรเป็นการลงทุนที่มั่นคงและต้านทานเงินเฟ้อได้เป็นอย่างดี

2) เพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาว

การถือครองที่ดินเกษตรจะให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในระยะยาว และนี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่เขาใช้เงินกว่า 113 ล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อที่ดินเฉพาะในรัฐเนแบรสกาเพียงรัฐเดียว

3) เพื่อความมั่นคงด้านอาหาร และความยั่งยืน

บิล เกตส์ มีบทบาท และต้องการเห็นการสนับสนุนเทคโนโลยีด้านการเกษตรผ่านมูลนิธิ Bill & Melinda Gates เช่น เทคโนโลยีการปรับตัวต่อสภาพอากาศ และระบบอาหารที่ยั่งยืน

4) เพื่อการควบคุม และส่งเสริมนวัตกรรมทางเกษตร

การถือครองที่ดินช่วยให้ บิล เกตส์ สามารถสนับสนุนเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การเกษตรแบบรีเจนเนอเรทีฟ หรือการกักเก็บคาร์บอน

5) เพื่อใช้เป็นประโยชน์ทางสังคมและการกุศล

การถือครองที่ดินในสหรัฐฯ ส่วนหนึ่งน่าจะถูกใช้เป็นพื้นที่สำหรับทดลองสำหรับโครงการที่สามารถขยายผลไปยังประเทศกำลังพัฒนา



ทำไมกลยุทธ์การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์จึงช่วยป้องกันผลกระทบจากเงินเฟ้อของ บิล เกตส์


1. มูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้นตามราคาสินค้า

  • ในภาวะที่เงินเฟ้อสูงขึ้น ต้นทุนวัสดุก่อสร้าง ค่าแรง และราคาที่ดิน จะสูงขึ้นตาม ดังนั้น ราคาบ้านและที่ดินก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ข้อมูลทางสถิติในอดีตได้แสดงให้เห็นว่า ราคาบ้านในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่า 550% ระหว่างปี 1980 ถึง 2021 ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินเฟ้ออย่างมาก

2. รายได้จากค่าเช่าปรับตัวตามเงินเฟ้อ

  • เจ้าของอสังหาริมทรัพย์สามารถปรับขึ้นค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ได้ตามสภาพตลาด โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความต้องการสูงจะส่งผลให้กระแสเงินสดจากค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นตาม ช่วยให้นักลงทุนสามารถรักษาระดับรายได้แม้ต้นทุนชีวิตจะสูงขึ้น

3. หนี้สินแบบอัตราดอกเบี้ยคงที่มีมูลค่าลดลง

  • หากซื้ออสังหาริมทรัพย์ด้วยสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ เงินเฟ้อจะทำให้มูลค่าที่แท้จริงของหนี้ลดลง ดังนั้น ผู้ลงทุนสามารถชำระหนี้ด้วย “เงินที่ด้อยค่าลง” ขณะที่มูลค่าทรัพย์สินและรายได้จากค่าเช่าเพิ่มขึ้น

4. อสังหาริมทรัพย์เป็นทรัพย์สินที่จับต้องได้และมีคุณค่าในตัวเอง

  • การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ต่างจากหุ้นหรือพันธบัตรเพราะอสังหาริมทรัพย์เป็นทรัพย์สินที่มีตัวตน ให้ประโยชน์ในการอยู่อาศัยและมีความขาดแคลน ดังนั้น การถือครองอสังหาริมทรัพย์จึงมีความมั่นคงมากกว่าในช่วงที่เศรษฐกิจไม่แน่นอนหรือค่าเงินอ่อนตัว

5. เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน

  • อสังหาริมทรัพย์มักให้ผลตอบแทนดีในช่วงที่ตลาดหุ้นและพันธบัตรมีความผันผวนจากเงินเฟ้อ



ข้อควรระวังเมื่อต้องการถือครองอสังหาริมทรัพย์


  • สภาพคล่องต่ำ: อสังหาริมทรัพย์ไม่สามารถขายได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินเพราะการซื้อขายของสินทรัพย์เพื่อเปลี่ยนเป็นเงินสดจะต้องใช้เวลา ดังนั้น เงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์จึงควรเป็นเงินลงทุนระยะยาวที่ยังไม่ต้องมีการใช้จ่ายในระยะสั้นหรือในชีวิตประจำวัน

  • ต้นทุนการดูแลรักษาอาจสูงขึ้น: เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษาอสังหาริมทรัพย์สูงขึ้น ดังนั้น การดูแลอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นจึงอาจมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตามด้วย

  • วัฏจักรตลาด และทำเลที่ตั้งของอสังหาริมทรัพย์ อาจทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนแตกต่างกัน: การถือครองอสังหาริมทรัพย์อาจไม่ให้ผลตอบแทนที่ดีมากในทุกประเภทหรือทุกทำเลเพราะทำเลของอสังหาริมทรัพย์ที่ต่างกันอาจทำให้การเพิ่มมูลค่าไม่เท่ากันก็ได้




 
 
 

ความคิดเห็น


bottom of page